Interview : ‘Jesus 103’ The Oldschool Of Wildstyle skip to Main Content

Interview : ‘Jesus 103’ The Oldschool Of Wildstyle

บทสัมภาษณ์ที่เราจะพาคุณไปรู้จักกับอีกหนึ่งไทยกราฟฟิตี้ยุคบุกเบิก ‘Jesus103’ หรือที่เรารู้จักเขาในนาม ‘E12’ Graffiti Store ตัวแทนจำหน่ายสีสเปรย์ ‘Ironlak’ กับผลงานของเขาและเรื่องราวที่จะมาบอกเล่าถึงอดีตและมนต์เสน่ห์ของวงการกราฟฟิตี้ในยุคนั้น

169404_2531593145032_2022561292_o

จุดเริ่มต้นกับความสนใจในด้านงานกราฟฟิตี้ของคุณ ?

เริ่มต้นที่ทำให้หันมาสนใจในยุคนั้นคงหนีไม่พ้นการที่ได้เห็นรูปจากในนิตยสาร ‘sk8’ หรือรูปจากนิตยสาร hiphop ที่พอได้เห็นเท่านั้นแหละมันใช่เลย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอะไร ทำยังไง แค่ชอบแล้วอยากจะมีงานเราบนกำแพงที่ไหนก็ได้ซักที่บ้างแค่นั้นเอง

จากแรกเริ่มที่คุณสนใจและทำ ใน ช่วงเวลานั้นคุณมองว่า กราฟฟิตี้คืออะไร ?

เอาตรงๆ ตอนเริ่มแรกๆ ยังไม่รู้เลยว่าไอ้ที่วาดๆ อยู่เขาเรียกว่าอะไร รู้แค่ว่าใช้สีสเปร์ยพ่นเพราะเห็นรูปจากในนิตยสารทั้งคาแรคเตอร์สวยๆ ตัวหนังสือแปลกๆ จนได้อ่านคอลัมส์นึงในหนังสือ ‘The Source Magazine’ แล้วเขาขึ้นหัวว่า ‘Graffiti’ ก็เลยถึงบางอ้อตั้งแต่ตอนนั้นเลย

แน่นอนเลยว่าช่วงนั้นกราฟฟิตี้เป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ อยากให้คุณช่วยเล่าบรรยากาศต่างๆ ตอนนั้นของวงการกราฟฟิตี้ในบ้านเราให้ฟังหน่อย ?

คำถามนี้ทำเอาภาพเก่าๆ ลอยมาเต็มหัวเลยนะ สำหรับผมมันใหม่มาก จุดเริ่มต้นจริงจังของผมมันมาจากช่วงเข้ามหาวิทยาลัยนี่แหละ ได้มาเจอเพื่อนๆ พี่ๆ ที่คณะ ซึ่งเขามาเห็นเรานั่งวาดเลยขอดู (CO2, BigDel) จากนั้นก็เลยชวนไปลองพ่นด้วยกันเลยได้เจอกับคนอื่นๆ มากมาย (Cider, LSD, Por) ที่อยู่คณะเดียวกัน จากนั้นเลยรวมกลุ่มกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยตั้งกลุ่มเพื่อไปพ่นด้วยกัน จากเขียนในกระดาษกับลองกำแพงบ้านตัวเองอยู่นาน ก็ได้เวลาขโมยวิชาจากบรรดารุ่นพี่ที่ถือว่าเป็นคนชักชวนเข้าวงการเลยก็ว่าได้

1462532_10153425308860431_260212526_o

ในอดีตตอนนั้น มีการนัดกันไปพ่นหรือไปบอมบ์กันบ่อยมั้ย ผมว่าตอนนั้นคงเป็นอะไรที่น่าสนุกแน่ๆ เลย เพราะเหมือนกับว่ากระแสยังไม่บูมมาก มันเป็นอะไรที่ใหม่กับศิลปินและสังคมมากเหมือนกัน ?

คิดสภาพการโทรชวนกันไปพ่นหรือจุดนัดพบอย่างหน้าร้าน KOB(MBK ชั้น7 ในสมัยนั้น) ในยุคนั้นก็จะมี PoydOne, Akie, Natz, Cynic, Oral, Sinfool, Zids, Lans, Kool5000, NTA, Jedi, Zork2 และคนอื่นๆ อีกเยอะที่มานั่งคุย หรือแลกกันดูงานแล้วก็เดินไปพ่นฝั่งตรงข้าม MBK (หอศิลป์กรุงเทพในปัจจุบัน) หรือถ้านัดกันเยอะๆ ก็จะมาเจอกันโซนอ่อนนุช ซึ่งสมัยก่อนเรียกได้ว่า ‘5point เมืองไทย’ เลยนะ อัพเดทกันแทบทุกสัปดาห์ก็ว่าได้ ช่วงไหนเจอที่ใหม่ใหญ่ๆ หน่อยก็ชวนกันไปหมด เช่น สะพานอรุณอัมรินทร์, ลาดพร้าว71, สะพานหัวช้างและอื่นๆ มากมาย ส่วนตัวขอนิยามสมัยนั้นว่า ‘ยุคหัวน้ำหอม’ ละกันเพราะใช้กันทุกคนจริงๆ แต่ใครถนัดยี่ห้อไหนไปถามกันเอานะ ถือเป็นยุคพัฒนากราฟฟิตี้สู่สายตาคนในสังคมเลยก็ว่าได้

 ในยุคแรกคุณก็ใช้ชื่อแท็กเนมนี้เลยมั้ย ?

ก็ Jesus นี่แหละครับแต่มาเติม 103 เอาช่วงยุคหลังๆ

แล้วช่วงตอนนั้น คุณเริ่มทำงานด้วยสไตล์ไหนในยุคแรกๆ ?

ก็เริ่มจากตัวหนังสือแบบงงๆ เหมือนคนอื่นๆ ออฟชั่นเยอะๆ แบบ wildstyle จากนั้นพอได้พูดคุยกับคนสายเดียวกัน และศึกษาหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็ทำให้รู้ว่ามันมีแยกออกไปหลากหลายแนว แต่ที่ชอบตั้งแต่แรกๆ เลยคงเป็น wildstyle oldschool แบบว่าออฟชั่นเยอะๆ ใช้สีแยะๆ

Untitled-4

14060213_1185120448196373_249908705_o

แล้วพอหลังจากช่วงแรกไปแล้ว คุณก็เริ่มมีแนวทางที่ชัดเจนและมีสไตล์ที่โดดเด่นจนถึงปัจจุบัน ช่วยอธิบายถึงเรื่องราวเหล่านี้ให้ฟังหน่อยว่ามีสไตล์เป็นยังไงบ้าง ?

หลังจากช่วงลองผิดลองถูกมาเยอะทั้งพันๆ กันจนงงเอง จนไหลมาพ่นภาษาไทย เทคนิดซ้อนหลายชั้นก็แล้วสุดท้ายก็กลับสู่พื้นฐานของตัวหนังสือ เพราะคิดว่าสไตล์เราจริงๆ คือการใช้สีเยอะบวกกับเส้นที่สะอาดๆ แล้วมีmovement ของตัวหนังสือเป็นพอ ที่เหลือก็แค่จัดวางให้เข้ากับคนอื่นๆ เวลาไปพ่น production ให้มันลงตัวที่สุด

แรงบันดาลใจในการทำกราฟฟิตี้ของคุณคือ ?

แรงบันดาลใจส่วนใหญ่ที่ทำยังจับกระป๋องสีจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะเป็นเพื่อนนี่แหละ เพราะการที่ได้ออกไปพ่นพร้อมกับคนอื่นเราจะได้ของมาใส่ตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอัพสกิลในเกมส์ ส่วนตัวในตอนนี้จะเน้นไปทำเป็น production ซะมากกว่าคิดว่ามันอลังการดี มีเพื่อนต่างขาติมาคอยกระตุ้นเป็นแรงผลักดันไปอีกทางนึงด้วย อย่างว่าครับตื่นมาเห็นสีทุกวันมันก็มีความเสี้ยนอยากจะพ่นเป็นธรรมดา คือเหมือนแรงบันดาลใจจริงๆมันก็อยู่รอบตัวเรา เพียงแค่ว่าเราจะทำมันรึเปล่า

ซึ่งในปัจจุบันนี้วงการกราฟฟิตี้ทุกวันนี้พัฒนาไปไกลมาก เปลี่ยนแปลงหลายอย่าง คือเรียกได้ว่าวัฒนธรรมในยุคอดีต อาจจะแตกต่างจากยุคนี้ค่อนข้างมาก ทั้งศิลปิน, ผลงาน, รุปแบบ, มุมมองต่างๆ, กำแพง หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ซัพพอร์ทและรองรับการทำงานที่มีมากขึ้น คุณมีความเห็นยังไงบ้างในฐานะที่คุณทำมาตั้งแต่อดีตและเห็นวงการนี้เริ่มจากศูนย์มาก่อน ?

ในมุมมองเราคิดว่าส่วนใหญ่มันเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นนะ หน่วยงานต่างๆ ให้การยอมรับและสนับสนุนมากกว่าสมัยก่อนเยอะอย่างเห็นได้ชัด เรื่องของวัฒนธรรมอดีตกับปัจจุบันมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนแหละว่าเลือกจะเดินทางไหน แต่มันก็ทำให้เห็นชัดเจนกว่าในอดีตเยอะมาก ถ้าดูจากตามถนนมีหลากหลายแนวให้ได้เสพกัน ไม่ว่าจะใครหรือกลุ่มไหนมีแนวกันชัดเจน สายบอมบ์ก็เดินเขียน แปะ พ่นกันเต็มเหนี่ยว สายโปรดักชั่นก็สรรหาสถานที่สร้างความอลังการกันไป สายหน้าใหม่ก็ขยันพ่นฝึกฝนกันถี่ๆ ซึ่งโดยส่วนตัวเราก็ชอบหมดนะ ขอให้ใช้มือถือสเปรย์แล้วใช้นิ้วพ่นเป็นพอ  เรื่องสถานที่ในปัจจุบันมีมากขึ้นตามการยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่ แต่ต่างจากในอดีตที่กลิ่นไอของการรวมตัวกันเยอะๆ ลดน้อยลง คงเพราะมีศิลปินเพิ่มมากขึ้นแต่สถานที่มีเท่าเดิมก็เป็นได้ ส่วนอุปกรณ์ดีก็ช่วยให้เนื้องานดีและทำง่ายขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเก่งกันได้ง่ายกว่าสมัยก่อนนะ พ่นบ่อยๆ เดี๋ยวก็ได้เอง

13323796_1727724700818428_188125802844618645_o

0000008

แล้วอย่างตอนนี้คุณตั้ง E12 ขึ้นมา เป็นตัวแทนจำหน่ายสี ‘Ironlak’ ด้วย ช่วยเล่าถึงที่มาที่ไปให้พวกเราฟังหน่อย ?

E12 Graffiti Store จริงๆ เกิดขึ้นมาแบบงงๆ นะ เอาจริงๆ มันก็เริ่มต้นจากอยากลองใช้เองนี่แหละ เลยสั่งมาสนองตัณหาตัวเอง ของดีหรือไม่ดีมันต้องลองถึงจะรู้ ครั้งแรกก็ลองสั่งจากเว็บขายของ graffiti มา 12กระป๋อง แรกๆ โดนไปเกือบหมื่นทั้งค่าส่ง ค่าภาษี ตอนนั้นแทบช๊อค (ปัจจุบันก็ยังเก็บไว้อยู่ไม่กล้าใช้หมด) หลังจากนั้นก็เลยลองสั่งจากบริษัทเอาเองเลยแต่ก็ไม่ได้บอกใครเพราะกะว่าจะลองใช้ก่อน ซึ่งช่วงนั้นก็ทำกิจการอย่างอื่นอยู่เลยไม่ได้เน้นมากมาย จนเศรษฐกิจย่ำแย่เลยเลิกไป แล้วก็กลับมามีเวลาพ่นสีมากขึ้นบวกกับมีเพื่อนต่างชาตินำสีเข้ามาให้ขายอีกแบรนด์ ก็เลยต้องจำหน่ายอย่างไม่เป็นทางการเพราะเริ่มแรกส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนต่างชาติมาซื้อซะมากกว่า หลังๆ มาถึงจะมีคนไทยรู้ว่าเราขายสีนะเพราะเห็นเราใช้บ้าง บอกต่อๆกันบ้างเพราะเราไม่เปิดเว็บ ขายแบบบ้านๆ ไม่มีหน้าร้าน มีแค่เพจให้ติดต่อพูดคุยกันโอนเงินมา/ส่งของง่ายๆสบายๆ ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีคนอีกเยอะที่ไม่รู้ว่า Ironlak มีขายที่ไหน

กี่ปีแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ มุมมองและความคิดที่มีต่อกราฟฟิตี้ที่คุณทำ ยังคงเหมือนเดิมหรือแตกต่างยังไงบ้างมั้ย ?

เกือบจะ 20 ปีละที่ลงลึกในสายนี้ มุมมองตั้งแต่เริ่มต้นความคิดที่ทำให้เราจับสีสเปรย์เพื่อพ่น graffiti จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม มันเริ่มต้นจากความสุขที่ได้ทำหลังจากนั้นคือกำไรชีวิต

กลับมาที่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้คุณมีแรงบันดาลใจอะไรในการทำกราฟฟิตี้ ?

Go Big or Go Home

ช่วงยุคนั้นพวกสื่อต่างๆ ที่สนใจกราฟฟิตี้เยอะมั้ย งานประกวดเท่าที่ผมจำได้ก็ถือว่าเยอะเหมือนกันนะตอนนั้น ?

จัดว่าเยอะพอสมควรเลยนะเพราะมันดูแปลกใหม่ในสายตาคนในสังคม จำได้ว่าลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์กันเลยทีเดียว บริษัทยักษ์ใหญ่ให้สปอนเซอร์กันถ่วมท้น งานประกวดทั้งเล็กใหญ่เต็มไปหมด ช่วงนั้นคนหันมาสนใจ graffiti กันเยอะ มันเป็นยุคทองของ HipHop 4 Elements เลยจริงๆ

980634_10153471259050431_1020863940_o

520000

ช่วงนี้ผลงานของศิลปินในบ้านเรายุคนี้เป็นอย่างไรบ้าง เอาเท่าที่คุณพอได้สัมผัสมา ?

เป็นยุคที่หน้าใหม่สามารถเลือกทางเดินได้อย่างชัดเจน มีให้เห็นทุกแนวทั้ง letter, character, bombing, sticker bomber, tager, etc. หลากหลายสุดๆ แบบที่คุณเลือกเลยว่าจะมีใครเป็นไอดอล ซึ่งจัดว่าเด็ดๆ เพียบเลย ต่างชาติให้การยอมรับศิลปินบ้านเรามากกว่าสมัยก่อนเยอะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมข้ามชาติกันเลยทีเดียว

 เชื่อเลยว่า คุณก็ยังคงมองวงการนี้อยู่ตลอด เลยอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณสนใจและอยากให้วงการพัฒนาด้วยสิ่งที่คุณคิด ?

มองอยู่ตลอดแหละครับ ส่วนสิ่งที่คิดหรือเจตนารมณ์ก็ยังคงจะทำต่อไปเรื่อยๆ และหวังจะผลักดันให้เกิดคนคุณภาพใหม่ๆ เข้ามาวงการนี้ซึ่งเราก็พร้อมจะสนับสนุนอยู่ตลอดนะ พยายามที่จะยกระดับศิลปินไทยให้ทัดเทียมต่างชาติเพราะมองว่าเราก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย แต่จังหวะนี้กำลังดันศิลปินไทยไปนอกประเทศอยู่ครับ

คุณยังคงคิดถึงอดีตตอนพ่นกับเพื่อนๆ หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นบ้างมั้ย ถ้าเป็นไปได้อยากพูดอะไรให้สำหรับวงการตอนนั้นบ้าง ?

อยากขอบคุณรุ่นพี่ PMT ยุคแรกที่สอนให้รู้จัก graffiti แบบลึกซึ้งครูพักลักจำกันไป, ขอบคุณเพื่อนๆ RSK DSG CSA TWC TTC BAI สมัยนั้นที่ลากกันไปพ่นจนเลิกไม่ได้จนถึงปัจจุบันจนมี jesus103 จนถึงทุกวันนี้ Respect you all, Peace

jesus

13350317_1121918014516617_4361804438350456718_o

 

‘Jesus103’ Favorites ?

 

favorites jesus

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

*Follow : ติดตามผลงานของเขาได้ที่*

FB : Aumnaj Ounjai

IG : Jesus103

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

Thank Interview : Jesus103

Credit Foto : Jesus103, Dbt , Nakhonsawan Street Art Project

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

 

 

 

 

 

 

Back To Top